ศิลาดลเกาหลีมีรากฐานอยู่ที่สีเขียว นอกจากจะพัฒนามาเป็นศิลาดลเกาหลีฝังเป็นรูปลักษณะที่พิเศษโดดเดี่ยวแล้ว
ยังใช้เทคนิกการตกแต่งแต่ละอย่างกับศิลาดลสีเขียวเพื่อต้องการทำให้สวยงาม
แปลกตาและมีการเปลี่ยนแปลงหลากหลายชนิด
ที่พบเห็นกันบ่อยคือนำเอาเซรามิกที่เป็นแก้วน้ำ、ที่รองวางแก้ว、ขวด、แจกัน、กาน้ำเป็นต้นใช้วิธีแกะสลักเป็นรูปฟักทอง 、รูปน้ำเต้า、รูปดอกเป็นต้น แล้วใช้เทคนิกการฝัง ฝังตรงพื้นผิวของเซรามิกด้วยดินสีขาว、สีแดงม่วง
ผ่านการเผาในอุณหภูมิที่สูงแล้วกลายเป็นสีขาวสีดำเป็นลวดลายสดใส
ศิลาดลเกาหลีมีลวดลายดอกเบญจมาศเป็นที่นิยมกันและที่สำคัญคือ
คนระดับชั้นสูงและผู้มีปัญญารู้จักและเข้าใจเรื่องของเถาเยียนหมิน
ตั้งแต่ศตวรรษที่8ตอนท้ายในเกาหลีเอา《กวีนิพนธ์เจาหมิน》ตั้งเป็นข้อความที่สำคัญของการสอบเข้า
จากนั้นสัญลักษณ์ดอกเบญจมาศกับเรื่องเถาเยียนหมินก็ได้นำเข้ามาถึงในเกาหลี
ศตวรรษที่9ตอนท้ายเคยมีนักศึกษาสมัยราชวงศ์ถังไปเรียนต่อต่างประเทศ ได้รับชื่อเรียกจากคนรุ่นหลังว่า「บทความที่เริ่มแรกของทางตะวันออก
(เกาหลี)」ของผู้มีปัญญาชุยจือเหยียน(857-951) หนังสือที่เขียนขึ้นมา
《กุยเหยียนปี่เกิน》ในนั้นมีบทกวีของเถาเยียนหมินที่จดบันทึกไว้ ส่งผลกระทบต่อคนรุ่นหลังมาก
กาน้ำนี้เป็นรูปน้ำเต้า มีรูปเอวและมีปากที่เล็ก ฝาปิดเป็นรูปไข่มุก
มีด้ามจับสูงกว่าเอวกาน้ำหน่อย ด้ามจับส่วนบนเชื่อมติดกับเอวกาน้ำและส่วนล่างเชื่อมติดกับท้องกาน้ำ ด้ามจับส่วนบนเชื่อมต่อกับกาน้ำ ผูกเป็นรูปเถาวัลย์
ปากเทน้ำยึดออกไปจากตัวกาน้ำส่วนความสูงนั้นเท่ากับด้ามจับ
ตั้งแต่คอกาน้ำลงมา เห็นมุมแบ่งเป็น8ด้าน ด้านทุกด้านตั้งแต่เอวกาน้ำลงมาแล้วใช้แบบเป็นหลุมแบ่งออกเป็นอีกสองด้าน
ตกแต่งด้วยเทคนิกการฝังในตัวกาน้ำ คอกาน้ำเป็นลายไข่มุกและลายกลีบดอกบัวลักษณะที่แปลก ลายสองลายนี้แบ่งแยกด้วยลายเส้นโค้ง ในกลีบดอกบัวที่มีลักษณะแปลกมีลายไข่มุก และลายพวกนี้เชื่อมต่อกับมุมต่างๆ
ระหว่างส่วนท้องและส่วนไหล่ของแต่ละด้าน ฝังด้วยลายดอกเบญจมาศที่มีสีดำและสีขาว ล้อมด้วยใบและดอก มีทั้งดอกบานและดอกตูม จนทำให้ดูเหมือนเต็มไปด้วยดอก
ข้างล่างท้องเป็นลายกลีบบัวคู่ แล้วใช้ลายเส้นโค้งและดอกเบญจมาศมาแบ่งแยก
ใต้ปากเทน้ำแกะสลักเป็นใบหลายใบ และแกะสลักเป็นเส้นใบ
เคลือบสีเงางาม ตกแต่งด้วยลวดลายเห็นได้ชัดเจน ขาตั้งบางและเคลือบสี บางส่วนโผล่ออกมาเป็นสีน้ำตาลแดง ใต้กาน้ำมีรอยตะปูสามอัน
ดัชนีความนิยม:2 |
---|